Last updated: 23 ก.พ. 2560 | 3281 จำนวนผู้เข้าชม |
การเจ็บป่วยนั้นมีลักษณะอาการหลากหลายรูปแบบ เช่นเป็นแล้วหายเอง,เป็นแล้วกินยาหาย,หายแล้วเป็นอีก, เป็นๆหายๆ,หรือเป็นแล้วกินยาก็ไม่หายเป็นต้น และหากลักษณะอาการชัดเจนผู้คนก็จักวินิจฉัยได้ด้วยตนเอง ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้องประจำเดือน ตกขาว เหล่านี้มักเห็นเป็นอาการปรกติธรรมดาใครก็เป็น เป็นแล้วปล่อยถ้าไม่หายไม่ดีขึ้นค่อยไปหายามากิน กินแล้วไม่หายค่อยไปหาหมอ ผู้คนมักปฎิบัติกันดั่งนี้
แต่ในทางการแพทย์แผนไทยแล้วทุกอาการนี้ถือไม่ธรรมดาเพราะเหตุแห่งความแปรปรวนไปของตรีธาตุ ปิตตะ,วาตะ,เสมหะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการนั้นอีกประการหากเป็นบ่อยครั้งเป็นๆหายๆจักเข้าโบราณโรคเป็นเรื้อรังต่อจากนั้นเข้าเขตกระษัย,กล่อน ความเสื่อมไปถอยลงจากเหตุเล็กกลายเป็นเหตุใหญ่ เล็กในวันนี้จักใหญ่ในวันหน้าได้อาการธรรมดาของผู้คนแต่สำหรับแพทย์แผนไทยไม่ธรรมดาแล้ว แพทย์จักเข้าไปหาต้นเหตุที่เกิดอาการนั้น บรรเทาอาการปลายเหตุแลไปรักษาต้นเหตุ ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเราทำกันดั่งนี้มาแต่โบราณกาล
๑. ปวดหัว มึนหัว หนักๆตื้อๆในหัว เวียนหัว หน้ามืด ตาลาย ทรงตัวไม่อยู่ เป็นลมปะกัง(ไมเกรน) แพทย์แผนไทยว่าเป็นอาการทางวาตะเกิดแต่วาโยมวลละเอียดที่ตีขึ้นเบื้องบน(ลมอุธังคมาวาตา)แลเป็นลมที่มีกำเดามากเข้าข่ายลมอันตรายพัดผ่านเข้าหัวใจพัดเลยขึ้นถึงสมองซึ่งล้วนเป็นอวัยวะที่สำคัญยิ่ง ลมกองสมุนาขึ้นถึงชิวหาสดมภ์ เข้าเขตอัมพฤกษ์อัมพาต ลมหทัยวาตะแปรเป็นลมสัตถะกะวาตะตรงสู่หัวใจเข้าเขตอันตราย
๒. ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว ก็เป็นอาการทางวาตะเช่นกันเกิดแต่กองลมในไส้ (โกฎฐาสยาวาตา)เชื่อมต่อกับพัทธะปิตตะที่ไฟย่อยมีกำเดาย่อยตามมามีลมในไส้เป็นที่สุด ท้องอืดแค่อาการปลายทางแต่ยกนังหรือตับเป็นต้นทาง
๓. ตกขาวแทรกในเนื้อประจำเดือน ประจำเดือนมาเป็นเมือกมันดำข้นมีกลิ่นแทรก เมื่อเกิดขึ้นเป็นประจำจักเกิดเป็นตะกรันหรือกรีสังของเลือดระดูนั้นเกาะรวมตัวกันเป็นปะระเมหะ(ซีส) นานเข้าผังผืดจักมาจับรัดไว้มีโลหิตังไปหล่อเลี้ยงโตขึ้นแปรเป็นเนื้องอกแปรเป็นฝีร้ายในที่สุด
สามอาการปรกติของผู้คน สามอาการที่ต้องพึงวินิจฉัยไม่ปล่อยไปของแพทย์ไทย จักเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นอาการ ไม่ธรรมดาแล้วถึงแก่ชีวิตได้ทั้งสิ้นในวันหน้า แพทย์แผนไทยพึงตระหนักด้วยองค์ความรู้ของเราเป็นภูมิปัญญาที่เชื่อมโยงผลปลายทางย่อมเกิดแต่เหตุต้นทาง ไม่มีผลเหตุย่อมไม่มี สาวไปหาเหตุให้พบแล้วไปรักษาที่เหตุนั้น ผลของเหตุแค่ทำให้บรรเทาลง
เราเป็นแพทย์เรามีความรู้เรามีวิชาเรามีภูมิปัญญา ใช้ความรู้ให้สมกับที่เป็นแพทย์อย่าปล่อยผ่านหรือไปบรรเทารักษาเพียงปลายเหตุ เพราะนั้นหมายว่าเรารู้ไม่เที่ยงไม่รู้จริงในภูมิปัญญาของเราเอง แล้วเราจักได้ชื่อว่าเป็นแพทย์แผนไทยได้เช่นใด องค์ความรู้การแพทย์แผนไทยทำให้เราเป็นแพทย์ไทยได้มิใช่หรือ จงรู้จริงในองค์ความรู้ของเรา ไม่รู้ทำให้รู้แล้วรู้ให้ถูกรู้ให้จริง
11 ธ.ค. 2567